You are currently viewing พลังความสำเร็จ กับการเป็นลูกที่ดี

พลังความสำเร็จ กับการเป็นลูกที่ดี

“ช่างมีลูกรึเปล่า” ผมถาม

“หนึ่งคนครับ ตอนนี้เรียนอยู่ ม.ห้า โรงเรียนข้างบ้านนี่แหละครับ” เขาตอบแล้วหันไปช่วยภรรยาเก็บข้าวของหลังจากล้างแอร์เสร็จ เตรียมไปบริการลูกค้ารายต่อไป

“ที่ย้ายจากต่างจังหวัดมาทำงานกรุงเทพฯเพื่อให้ลูกเรียนหนังสือใช่มั้ย?”

“ใช่ครับ ต่างจังหวัดกับโรงเรียนในกรุงเทพฯมันต่างกันเยอะเลยครับ” พูดจบเขาอธิบายระบบการศึกษาที่อยู่ต่างสังกัดกันให้ผมฟัง ศัพท์แสงและคำย่อหน่วยงานพวกนั้นผมฟังไม่รู้เรื่อง มันทำให้รู้ว่าเขานี้ตั้งใจแสวงหาคำตอบ ทำอย่างไรลูกคนเดียวจะได้การศึกษาดีที่สุดเท่าที่เขาจะให้ได้ 

“ตอนแรกกะให้เขาเรียนสวนกุหลาบ” นายช่างเอ่ยถึงความใฝ่ฝัน เล่นเอาผมร้อง โฮ้..ออกมา แล้วนายช่างก็เล่าว่า “ลูกบอกว่ามันหนักเกินไป เลยได้โรงเรียนข้างบ้านนี่แหละครับ”

จากนั้นผมพูดคุยเรื่องทำมาหากิน เขาเล่าว่ารับจ้างทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อหาเงินเลี้ยงลูกด้วยหวังพึ่งหาลูกชายคนเดียวในวันข้างหน้า

หลังจากนายช่างกับภรรยากลับไปแล้ว ผมนั่งนึกถึงความจริงข้อหนึ่งว่า ลูกชายของเขาจะรับรู้ความปรารถนาดีที่พ่อแม่เพิ่งพูดความใฝ่ฝันให้ผมรับรู้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่า..ครอบครัวนี้มีสายสัมพันธ์ที่ดีต่อกันด้วยความรักที่อบอุ่นเพียงใด

หากทุกๆวันพ่อแม่ลูกสื่อสารกันด้วยพลังความรู้สึกลึกๆข้างใน สามารถเชื่อใจกันและกันว่า..ท้ายที่สุดทุกคนจะได้เรียนรู้และประสบความสำเร็จในวิถีของตนเอง ก็เชื่อได้ว่าสิ่งที่สองสามีภรรยาปรารถนาเป็นจริงแน่นอน 

การที่พ่อแม่ลูกได้คุยเปิดอกเรื่องของความใฝ่ฝันให้แก่กัน..จะช่วยให้ลูกของพวกเขาเติบโตและประสบความสำเร็จง่ายกว่าการบอกให้ทำแล้วเก็บงำความใฝ่ฝันเอาไว้ให้ลูกค้นหาความจริงเอาเองว่า..ทำไมเหตุพ่อแม่จึงเลือกทำอย่างนี้ ซึ่งมันไม่มีทางเข้าถึงหัวใจที่ปิดบังความจริงแก่กันได้ ดังนั้น การเปิดใจจึงเป็นทางเลือกแรกเสมอในการเปลี่ยนเส้นทางชีวิตให้ดีขึ้น

ผมนึกถึงหนังญี่ปุ่นเรื่องหนึ่งเขาเล่าถึงชายหนุ่มคนหนึ่งเรียนจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยชั้นนำของญี่ปุ่น แต่เลือกอาชีพค้าขายขนมให้เด็กๆ กระทั่งคนแถวนั้นไม่เข้าใจว่าทำไมการศึกษาดีขนาดนี้ไม่ทำงานบริษัทหรือรับราชการ

แต่…คนแถวนั้นที่มองและตัดสินชายหนุ่มไม่มีใครรู้ความจริงว่า เขาเลือกขายของเพราะต้องการเวลาเขียนหนังสือ บรรลุความฝันเป็นนักเขียนผู้มีชื่อเสียง แต่อีกมุมหนึ่งนั้น..ผลงานของเขาไม่เคยได้รับการชื่นชมจาก บ.ก. ที่เขาส่งงานให้ พูดง่ายๆมันแทบจะไม่ได้ตีพิมพ์เป็นเรื่องเป็นราวเลย 

ชายหนุ่มใช้ชีวิตลุ่มๆดอนๆหาทางสำเร็จไม่เจอ เวลาหมดไปกับขวดเหล้าและละเมอถึงความฝันที่วิ่งหนีเขาออกไปไกลขึ้นทุกที

วันหนึ่ง…คนทางบ้านโทรศัพท์แจ้งว่าคุณพ่อของเขาเสียชีวิตแล้ว ได้ฟังข่าวร้ายจบ..ภาพความทรงจำในอดีตผุดขึ้นมา นึกถึงวันที่พ่อไล่เขาออกจากบ้านเพราะรับไม่ได้ที่ลูกชายคนเดียวอยากเป็นนักเขียนไส้แห้ง นั่นคือมุมที่เขารู้ว่ามันเป็นความจริง..พ่อไม่รักเขา

เมื่อไปงานศพจึงรู้ความจริงว่า เหตุผลแท้จริงที่พ่อไล่เขาออกจากบ้านเพราะเห็นว่าลูกชายตนอ่อนแอเกินไปที่จะประสบความสำเร็จอย่างที่ตั้งใจ พ่อเชื่อว่าการเป็นนักเขียนที่สำเร็จนั้น..ลูกชายต้องมีประสบการณ์ที่แข็งแกร่งกว่านี้ มันไม่ใช่เรื่องไล่ออกจากบ้านเพราะพ่อไม่สนับสนุนการเป็นนักเขียนอย่างที่เขาเชื่อมาตลอด และความเชื่อนั้นมันทรมานชีวิตของเขามาตลอด ไม่มีสิ่งใดสร้างความทุกข์ใจมากเท่ากับการถูกคนที่เรารักมากที่สุดเกลียด 

เมื่อรู้ความจริงว่ามันไม่จริงอย่างที่เขาเชื่อ ชายหนุ่มร้องไห้โฮ…เสียใจที่พ่อไม่บอกความรู้สึกแท้จริงเรื่องที่เขาอ่อนแอ ในใจคิดวนเวียนกับคำถามที่ไม่มีคำตอบว่า..ทำไมพ่อไม่พูดความจริง เขาจะได้ปรับปรุงตัวเองให้แข็งแกร่งพอที่จะประสบความสำเร็จ ไม่ต้องอยู่กับความรู้สึกไร้ค่าเหมือนที่รู้สึกตลอดมาว่าพ่อไม่รัก

ในความรู้สึกของคนทั่วไป การที่ชายหนุ่มได้รู้ความจริงเรื่องพ่อและเบื้องหลังการถูกไล่ออกจากบ้านแล้วทุกคนน่าจะคิดว่ามันจบแล้วสินะ หลังจากนั้นชายหนุ่มคงมีความสุข เข้าถึงความรักของพ่อจนความมุ่งมั่นและประสบความสำเร็จในท้ายที่สุด…

ถ้าคุณเชื่อเช่นนั้น แสดงว่าคุณมีความเชื่อเดียวกับที่คุณพ่อของชายหนุ่มผู้นั้นเชื่อ ถ้าฉันไล่ลูกชายออกจากบ้านไปหาประสบการณ์ชีวิตจริงเพื่อนำมาเขียนหนังสือ วันที่ลูกชายได้รู้ความจริงในสิ่งที่ฉันทำ ลูกจะรักฉันมากขึ้นและประสบความสำเร็จอย่างที่ปรารถนา

ในประเด็นเรื่องของจิตใจนั้น จิตที่ปักใจเชื่อมานานว่าพ่อไม่รัก..จะไม่หลุดพ้นจากความเชื่อเดิมด้วยคำพูดหรือประโยคสั้นๆที่เฉลยความจริงเบื้องหลังที่ตนไม่เคยรู้มาก่อน

ชายหนุ่มแค่รู้ว่า..ที่พ่อไล่เขาออกจากบ้านเพื่อให้เติบโต แค่รู้ยังไม่เพียงพอที่จะเปลี่ยนชะตาชีวิตนอกจากเขาจะสัมผัสได้ถึงความรู้สึกว่าตนเองถูกรักอย่างสุดหัวใจ ความรู้สึกนั้นจึงจะสร้างคุณค่าให้ชีวิตมีราคามากพอที่จะสร้างสรรค์ตนเองให้ดีดุจดั่งเพชรที่ถูกเจียระไน

ภาพจากหนังเรื่องนั้นจางไปในความนึกคิดของผม…

นึกถึงชีวิตของช่างแอร์กับภรรยาที่เสียสละมาทำงานที่กรุงเทพฯเพื่อลูกชายคนเดียว เพราะเชื่อว่าวันหนึ่งจะได้พึ่งพาลูก เขาเชื่อว่าการศึกษาจะมอบโชคชะตาที่ดีกว่าตนให้แก่ลูก ผมรู้สึกซาบซึ้งในอย่างบอกไม่ถูกในมุมที่เขาทั้งสองเล่าให้ฟัง ประเด็นก็คือ..เขาเคยแสดงความรู้สึกในมุมนี้ให้ลูกได้สัมผัสมากพอแล้วหรือยัง ผมแค่ตั้งคำถามนี้ขึ้นมา มันอาจจะเป็นความเคยชินกับงานของโค้ชก็เป็นได้

นายช่างกับภรรยาจะสมหวังในชีวิต มีความสามารถรับมือกับความไม่สมหวังได้ดียิ่งขึ้นจนเปลี่ยนเป็นความโชคดีในท้ายที่สุด หากทั้งสองเข้าถึงความรักและวางใจแท้จริง นอกจากนี้..ลูกชายของเขาควรเรียนหนังสือเพื่อฝึกเข้าถึงความรัก มองเห็นความรัก ฝึกชื่นชมยินดีทุกคนแม้แต่คนที่เกลียด หนทางความสำเร็จแท้จริงอยู่ตรงนั้น

การศึกษาแท้จริงไม่เพียงอยู่ในรั้วโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัย มันอยู่ในทุกหนแห่งที่คุณใช้ชีวิตร่วมกับคนอื่นๆด้วยความรู้สึกที่กล่าวมา

การศึกษาแท้จริงคือการได้รู้จักตัวเองและสูงสุดของการศึกษานั้นคือการให้ตนเองเป็นผู้ให้ความรักและได้รับความรัก..จนรู้สึกถูกรักในเวลาเดียวกัน เมื่อนั้นคุณจะกลายเป็นคนที่สมหวังในชีวิตตลอดกาล

“พี่ลองเปิดแอร์ดูก่อนนะครับ ผมล้างแอร์แล้วมันน่าจะดีขึ้น น้ำยามันลดลงนิดเดียว ถ้าคืนนี้มันไม่เย็นฉ่ำค่อยส่งข้อความถึงผมนะครับ จะรีบมาเติมน้ำยาแอร์ให้”

ผมยกมือขึ้นสัมผัสลมเย็นจากเครื่องที่เป่าออกมาแล้วหันไปยิ้มและบอกเขาว่า “ได้ครับ คืนนี้น่าจะได้นอนอย่างมีความสุขเย็นฉ่ำซ่ะที ได้รู้ความจริงแล้ว..ที่ไอแห้งๆมาหลายวันเพราะฝุ่นจากแอร์นี่เอง”

นายช่างยิ้ม ยกมือไหว้ขอบคุณแล้วเดินเข้าลิฟท์ ใช้ชีวิตต่อไป

♥ 

0 0 votes
Article Rating
Subscribe
Notify of
guest
4 Comments
Oldest
Newest Most Voted
Inline Feedbacks
View all comments
ชลดา
ชลดา
2 years ago

ขอบคุณมากค่ะโค้ช น้ำตาไหลเลยค่ะ

ชลดา
ชลดา
2 years ago

ขอบคุณมากค่ะโค้ช น้ำตาไหลเลยค่ะ

ธิราภรณ์
ธิราภรณ์
2 years ago

สื่อสารตรงด้วยความรักจากความจริง
ขอบคุณค่ะโค้ชโจ้

เขมมี่
เขมมี่
2 years ago

ชอบอ่านบทความที่โค้ชเขียนค่ะ