You are currently viewing ชัยชนะของผู้แพ้

ชัยชนะของผู้แพ้

คืนวันชิงชนะเลิศฟุตบอลสโมสรยุโรป นาฬิกาบอกเวลาตี 4 ผมยังไม่รู้สึกง่วงนอนสักนิด ถึงนอนตอนนี้คงยังไม่หลับเพราะทีมฟุตบอลที่ตามเชียร์..แพ้..แบบอธิบายไม่ถูก น่าชนะแต่ก็แพ้

เหมือนตอนที่ผมพยายามทำงานเต็มที่ คิดว่าทำดีต้องได้ดี แต่..ผลลัพธ์ที่ได้ดันไม่ถูกใจ ผมรู้สึกแย่กับความพยายามที่ผ่านมา รู้สึกเหมือนไม่ได้อะไรเลยกับความทุ่มเท บ่อยครั้งที่ตัดสินตัวเองว่าเป็นคนโชคร้าย พระเจ้าลงโทษบ้างล่ะ ผมจึงใช้ชีวิตแบบประชดแดกดันตัวเองไม่สิ้นสุด ผมกลายเป็นผลลัพธ์ของสิ่งที่เชื่ออย่างไม่ตั้งใจ 

โชคดีที่ส่วนหนึ่งผมยังเชื่อว่า ทำดีย่อมได้ดี เพียงแค่..ต้องหาให้เจอว่า อะไร? ทำให้ไม่ได้รับผลลัพธ์อย่างที่ต้องการ เป็นไปได้ว่าสิ่งที่ผมคิดว่า ทำดีแล้ว ถูกต้องแล้ว มันอาจดีเพราะถูกใจตัวเอง แต่ไม่ถูกกฎจักรวาลเรื่องความสำเร็จ

อะไรบ้างอย่างนั้น ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วว่ามันคือ “ความไม่รู้” ซึ่งเป็นขั้วตรงข้ามกับ ความรู้ ซึ่งทำให้จิตใจสงบลง 

ความโกรธ สับสน เครียด เป็นการแสดงออกว่าเรากำลังไม่รู้ จิตจะดิ้นรนเป็นทุกข์มาก

ทีมฟุตบอลรักที่พ่ายแพ้ ผมเสียใจเพราะคาดหวังว่าควรชนะ นั่นคือความเข้าใจผิด ลืมสัจธรรมเรื่องความไม่แน่นอน จิตปักใจเชื่อเพราะลำเอียงในทีมรักว่าเก่งกว่าทีมอื่น ความเก่งกลายเป็นความยึดมั่นว่าชนะได้ทุกทีม เหมือนตัวเองที่คิดว่าเก่งแล้วสมควรประสบความสำเร็จ จนลืมเรื่องความถ่อมเนื้อมถ่อมตัว เป็นที่รักเพราะรักผู้อื่นอย่างจริงใจ สิ่งนั้นต่างหากที่ทำให้คนประสบความสำเร็จ

โลกนี้ก็เป็นเช่นนั้นเอง จักรวาลมีระบบการทำงานที่กว้างใหญ่และลึกซึ้งเกินกว่าใครกำหนดได้อย่างใจต้องการ ทำได้แค่เรียนรู้ที่จะอยู่ท่ามกลางความไม่แน่นอนอย่างมีความสุข ดังนั้น คนเก่งแค่ไหน จึงไม่สู้ฟ้าลิขิต คำว่า ฟ้า หมายถึง กฎแรงดึงดูด

ผ่านไปตี 4 ครึ่ง ผมดูจิตตัวเองดิ้นพล่านเหมือนเด็กร้องชักดิ้นชักแงจะเอาของเล่นจากพ่อแม่

ทุกข์เพราะไม่ได้ดั่งใจ ขืนปล่อยอารมณ์ไว้อย่างนี้ไม่ดีแน่ พรุ่งนี้เช้าสิ่งดีๆรออีกเพียบเลย ถ้าไม่อยากพลาดความโชคดี..ผมต้องปรับอารมณ์ด่วน!

ว่าแล้วก็เปิดคอม ตัดสินใจทำในสิ่งที่รักมากกว่า นั่นคือ เขียนบทความ (ผมมีความสุขกับการเขียนมากๆ เวลาหยุดเดินเมื่อผมทำสิ่งนี้ เหลือแต่พลังความรักพลั่งพลูออกมาเมื่อได้เขียน)

ตั้งประเด็นในใจว่า..ผมได้เรียนรู้อะไรจากความผิดหวังครั้งนี้ ทำไมความมหัศจรรย์ไม่เกิดขึ้นกับทีมฟุตบอลที่ผมรัก

ผมเขียนบทความในขณะที่จิตไหลลงต่ำ (จิตตก) เพราะต้องการเบนความสนใจให้จิตไปจดจ่อกับความรักมรสิ่งที่ทำ เหมือนในหนังที่มีสัตว์ร้ายไล่ล่านางเอก แล้วพระเอกเข้ามาล่อให้สัตว์ตัวนั้นหันไปไล่ล่าตัวเองเพื่อให้นางเอกที่อ่อนแอกว่าปลอดภัย พระเอกก็คือพลังความรักที่คุ้มครองใจของเราได้ดีเสมอ 

ผมตั้งสติ นั่งลงหน้าคอมฯ แล้วพิมพ์ข้อความว่า ฉันได้เห็นความจริงอะไรบ้างในความพ่ายแพ้ นี่คือคำถามที่ตั้งลงไปในจิตเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจให้มาจดจ่อกับคำถาม จากนั้นผมได้คำตอบว่า

  • ทุกคน ทุกทีม มีจุดอ่อนในความเป็นตัวของตัวเอง ทุกคนมีความอ่อนไหว ขี้น้อยใจ ใจอ่อน ริษยา ขี้เกียจ คิดเยอะ แทนที่จะรู้สึกไม่ดีกับความรู้สึกเหล่านั้น เราควรฝึกที่จะยอมรับว่า..นั่นคือสิ่งที่ต้องพัฒนา แล้วเราจะกลายเป็นคนที่ดีขึ้น
  • ทีมที่ชนะ คนที่ประสบความสำเร็จ ล้วนเชื่อว่าเขาทำได้แม้อยู่ท่ามกลางวิกฤต ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรให้ชนะ..แต่ก็ทำเท่าที่รู้ด้วยความรู้สึกที่ยอดเยี่ยม
  • ทีมรีลมาดริด เข้ารอบชิงชนะเลิศมาแข่งกับลิเวอร์พูลที่แข็งแกร่งมากๆและคว้าชนะไปได้ พวกเขาเคยชนะทีมสุดแกร่งในโลกแบบโกงความตายเสี้ยววินาทีสุดท้าย ทุกคนมองว่าโชคช่วย แต่ผมเข้าใจแล้วว่ามันเกิดจากการฝึกซ้อมด้วยความเชื่อว่ามำได้ อดทนทำในสิ่งที่เชื่อ มีวินัย รอคอยเป็น เมื่อเห็นโอกาสริบหรี่เพียงใด พวกเขาไม่ปล่อยโอกาสนั้นหลุดมือเมื่อต้องทำสิ่งที่ต้องทำในเวลาที่กดดันและจำกัด 

สุดท้าย..ผมได้เรียนรู้ว่า การนำตัวผมเข้าไปเป็นแฟนคลับของทีมฟุตบอล ดารา นักร้อง คนดัง ยิ่งมีความรู้สึกผูกพันเหมือนเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต ผมยิ่งนำตัวเองไปสู่ความแปรปรวนที่ควบคุมไม่ได้มากขึ้น

ความรักที่ขาดความจริงทำให้เกิดความลำเอียง มองว่าทีมเราต้องชนะเท่านั้น

ดาราที่เราชอบต้องดีที่สุด คนดังที่เราเชียร์ต้องเลิศที่สุด ผมส่งจิตออกไปข้างนอก โยนภาระความสำเร็จให้คนอื่นทำแทนเพราะคิดว่าพวกเขาทำได้ดีกว่าตัวเอง

นี่เอง…การนำจิตตัวเองไปผูกพันกับความที่ไม่แน่นอนแล้วอยากทำให้มันกลายเป็นความแน่นอน ทำให้ผมต้องเกิดแล้วตายซ้ำๆ สมหวังแล้วก็ผิดหวัง วันหนึ่งบอกว่าฉันสำเร็จแล้ว พออีกวันหนึ่งคอตกแล้วบอกตัวเองว่า..ฉันยังไม่สำเร็จ 

อีกไม่กี่เดือน ฤดูกาลแข่งขันฟุตบอลครั้งใหม่จะเริ่มขึ้น ถึงตอนนั้น..ทุกความสำเร็จจะกลายเป็นอดีต ผู้คนค่อยๆลืมความตื่นเต้นจากชัยชนะที่หอมหวาน กลับเข้าสู่วงจรไล่ล่าความสำเร็จอีกครั้ง คราบน้ำตา ความดีใจ ความโกรธเมื่อทีมรักพ่ายแพ้หรือกระโดดโลดเต้นสุดชีวิตเมื่อทีมรักมีชัยชนะ มันกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเพราะเรายอมรับให้เป็นไปเช่นนั้น แต่ไม่ยอมรับความจริงเรื่องความไม่แน่นอน

ฤดูกาลฟุตบอลที่ผ่านมา ผมนำตัวเองออกมาเป็นผู้สังเกตชีวิตตัวเองกับทีมฟุตบอลมากขึ้น มองหาสิ่งที่เหนือกว่าชัยชนะและพ่ายแพ้ ทำอย่างไรเมื่อแพ้แล้วได้เรียนรู้ นำสิ่งที่รู้ปรับปรุงชีวิตและทัศนคติให้ดีขึ้น

เพื่อนรุ่นน้องคนหนึ่งเคยบอกว่า “ตามเชียร์อะไรมากมายพี่ ตอนได้แชมป์มันไม่เคยแบ่งเงินให้พี่เลยนะ” นึกถึงคำพูดนี้ทีไรก็ขำทุกที แต่ก็กระโจนเข้าฤดูกาลใหม่ของการไล่ล่าความสมหวังจากการฝากความหวังไว้กับคนอื่น

“จงชื่นชมยินดีผู้ชนะสิ” เสียงคุ้นเคยผุดขึ้นในจิต ผมยิ้ม…แล้วปิดไฟนอน

🙏❤️

0 0 votes
Article Rating
Subscribe
Notify of
guest
3 Comments
Oldest
Newest Most Voted
Inline Feedbacks
View all comments
ชลดา
ชลดา
2 years ago

ขอบคุณมากค่ะโค้ช🙏❤️

Pattraporn
Pattraporn
2 years ago

สุดยอดมากค่ะโค้ช