088-9722158
Monday-Friday 09:00 - 18:00
โค้ชชี่ท่านหนึ่งบอกว่า ที่ผ่านมาชีวิตดีขึ้น มีความก้าวหน้าในการฝึกฝนจิต แต่ทำไม? บางครั้งรู้สึกมันถอยกลับมาที่เดิม บางอย่างที่ชอบทำ ดูเหมือนจะเลิกได้ สักพักก็กลับมาทำอีก
ในการโค้ชจูนระบบจิต ผมได้รับคำถามเช่นนี้บ่อยครั้ง ทุกครั้งจะชี้ให้โค้ชชี่เห็นความจริงว่า ความก้าวหน้าเรื่องจิตมันค่อยเป็นค่อยไป
สิ่งยอดเยี่ยมที่สุด ไม่ใช่เรื่องการเห็นปลายทาง แต่เป็นการเห็นตัวตนในขณะที่คุณกำลังใช้ชีวิตปัจจุบันนี่แหละ
คุณจะได้เห็นตัวตนเดิมที่สร้างนิสัยบางอย่างขึ้นมาในรูปของอารมณ์และทัศนคติที่ทำให้เป็นทุกข์ เพราะไม่ได้ดั่งใจแต่ก็หาทางทำชีวิตให้ได้ดั่งใจไม่เจอ เพราะเข้าไม่ถึงระบบจิตตัวเอง
การจูนจิตกับอัจฉริยภาพแห่งจักรวาล ช่วยให้ผมรู้สึกได้ลึกซึ้งถึงข้อมูลบางอย่างที่คนส่วนใหญ่ติดกับนิสัยที่ฝังลึกและยึดไว้เหนียวแน่น เพราะกลัวว่าตนจะไม่เก่ง ไม่ได้รับการยอมรับจากผู้อื่น
ผมแนะนำโค้ชชี่ท่านนี้ว่า คนเราสร้างตัวตนจากความรู้สึกข้างในมีทั้งปฏิเสธว่าฉันไม่ได้เป็นทั้งที่รู้ว่าเป็น และคนที่ยอมรับจุดที่ต้องปรับให้ดีขึ้น ไม่ใช่เพ่งมองไปที่ความเป็นคนไม่ดีของตนเอง
1. คนที่รู้ว่าแท้จริงแล้วตนจิตใจอ่อนแอและกลัวถูกทอดทิ้ง แต่เลือกสร้างตัวตน แสดงพฤติกรรมแข็งกร้าวขึ้นมารองรับโอกาสที่จะถูกทอดทิ้งในอนาคต ซึ่งตัวเขาเองนั่นแหละทำให้ถูกทอดทิ้ง
คำพูดที่คนเหล่านี้มักจะบอกตัวเอง เช่น ฉันไม่แคร์หรอกนะถ้าเธอจะไป ไม่เป็นไรเราดูแลตัวเองได้
คำพูดในใจเช่นนี้ ส่งพลังงานความไม่ใส่ใจ ไม่แตร์คนใกล้ชิดกระจายออกไปทั่วจักรวาล ดึงดูดคนที่ลึกๆก็ขาดแคลนเหมือนกันเข้ามาสู่ระบบชีวิต
ผลที่ตามมา คือ ต่างคน..ต่างรู้สึกว่าไม่ถูกรัก..ทั้งที่บอกว่าเรารักกัน
2. คนที่รู้และยอมรับว่าข้างในตนเองนั้นอ่อนแอ หวาดกลัว เขาไม่แสดงความแข็งกร้าวออกมาพร้อมกับไม่แสดงความอ่อนแอ
เขาจะค้นหาวิธีเข้าถึงความรักที่ยิ่งใหญ่กว่ารอคอยมันจากคนอื่น ค้นหาพลังความรักที่มั่นคงด้วยการฝึกตนเองเป็นผู้ให้ ซึ่งคนแรกที่ควรได้รับความรักคือ ตัวเขาเอง
เวลาที่ใครบางคนบอกว่าไม่รักเรา (เขาไม่ได้สิ่งที่ต้องการจากเรามากกว่า) ใครคนนั้นไม่แสดงออกอย่างที่คาดหวังว่าคุณควรจะได้รับ..ไม่ได้หมายความว่า เมื่อเขาจากไปแล้ว คุณจะอยู่อย่างปราศจากความรักตลอดไป
ความรักก็เหมือนความร้อนในตัวคุณ
ทุกคนมีพลังความร้อนในตัวเอง คุณนั่งอยู่เฉยๆ หาเสื้อผ้าที่เหมาะสมร่างกายก็รู้สึกอุ่นขึ้นไม่ต้องวิ่งหาพลังความร้อนจากผู้อื่น แต่จงให้ความอบอุ่นผ่านคำพูด การเขียน การเล่า มอบรอยยิ้มให้ความรักแก่ผู้อื่น(ถ้าคุณเชื่อว่าคุณมีมันมากพอจะแบ่งปัน)
ทุกคนต้องการให้อีกฝ่ายยอมรับมากกว่าที่จะยอมรับผู้อื่น
คนส่วนใหญ่ไม่ชำนาญการ-ชื่นชมยินดี มีแต่หาข้อตำหนิคนอื่น เกิดจากแนวคิดอันคับแคบว่า..เราต้องเก่งทุกเรื่องและเก่งคนเดียว ได้ครอบจักรวาลเพียงผู้เดียว
การชื่นชมยินดี ไม่ใช่การด้อยค่าตัวคุณเองหรอกนะ
เมื่อคุณชื่นชมผู้อื่น มันจะเพิ่มพลังความสำเร็จในแบบที่คุณต้องการเข้ามาสู่จิตวิญญาณ
ผมบอกโค้ชชี่ท่านนั้นว่า การจูนปรับระบบจิต เปลี่ยนแปลงชีวิต ไม่ควรรู้สึกว่า ฉันเป็นคนไม่ดีเลยอยากเปลี่ยน ควรเริ่มจากความรู้สึกว่า ชีวิตในอนาคตควรได้รับสิ่งดีๆอะไรเข้ามาให้ชีวิตมีคุณค่ายิ่งขึ้น
หมั่นถามตัวเองว่า..ฉันมีอะไรที่ฉันไม่รู้เกี่ยวกับสิ่งที่ต้องปรับปรุงในตัวเอง
ส่วนเรื่องที่โค้ชชี่ท่านนี้รู้สึกว่า ชีวิตถอยกลับมาที่เดิมนั้น ผมถามไปว่า..
สังเกตเพื่อนใกล้ตัวสิครับ ตั้งแต่โค้ชวางระบบจิตกันมาหนึ่งปี จนถึงตอนนี้ชีวิตเพื่อนๆเปลี่ยนไปมั้ย?
เขาตอบว่า ทุกคนก็เหมือนเดิม แต่เขารู้สึกว่าตัวเองปรับนิสัยบางอย่างดีขึ้นมาเยอะมาก จนเพื่อนๆบอกว่าดีขึ้น
ผมจึงแนะว่า..อย่างนี้ไม่เรียกว่าชีวิตถอยมาจุดเดิมนะครับ ดูว่ามันเหมือนเดิมแต่แนวคิดของเรามันค่อยๆปรับขึ้นทุกวัน และจะไม่เหมือนเดิมอีกเลย เมื่อประสบการณ์ชีวิตไปถึงระดับที่พลิกความเข้าใจข้างในใหม่
เหมือนหนังเรื่อง ฮอบบิท
วันที่ฮอบบิท ออกไปผจญภัยกับผองเพื่อน จนถึงวันที่เขากลับมาสู่บ้านหลังเดิมนั้น เขาไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองเหมือนเดิมอีกเลย เพื่อนๆมองว่าเขากลับมาแล้วและรูปร่างหน้าตาเหมือนเดิม แต่สำหรับฮอบบิท ชีวิตใหม่เพิ่งเริ่มต้นอีกครั้งในร่างกายและบ้านหลังเดิม
เมื่อออกเดินทางในจิตข้างใน คุณจะไม่มีวันเหมือนเดิมอีกต่อไป ความสำเร็จที่น่าทึ่งในการเดินทางข้างใน ไม่ใช่เรื่องปลายทางที่ต้องการหรอกนะ
ความสำเร็จของชีวิต ได้เห็นเป็นเรื่องการได้เห็นตัวตนที่เป็นอยู่จริง..และยอมรับว่าฉันต้องปรับตัวเองเรื่องใด..หากต้องการให้ชีวิตดีขึ้น
สิ่งนี่ต่างหากเป็นความสำเร็จสำคัญที่น้อยคนจะได้เห็น ที่เหลือ..แค่เรียนรู้การวางใจและก้าวเดินชื่นชมความสวยงามของเส้นทางชีวิต
ถ้าคุณเดินถูกทาง ยังไงยอดเขาข้างหน้าไปถึงแน่นอน…วางใจให้เป็น
เดินอย่างรื่นรมย์และมีความสุขในทุกย่างก้าวสิครับ
🙏❤️ ขอบคุณครับ
หลังการโค้ชจูนระบบจิต โค้ชชี่ท่านนี้เรียนรู้ที่จะยอมรับตัวตน เริ่มเดินทางข้างในและไว้วางใจตัวเองยิ่งขึ้น.
