เมื่อพูดถึงคำว่า “มหัศจรรย์” เราคุ้นเคยกับภาพยนตร์สายเสก จนเข้าใจว่า ความมหัศจรรย์คือการร่ายเวทมนต์ให้สิ่งที่ต้องการปรากฏขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาที่มนุษย์ทั่วไปไม่สามารถแก้ได้ หรือแม้กระทั่งสร้างพลังอำนาจแบบเหนือมนุษย์แบบในหนัง Super Hero
แต่..ระยะหลังภาพยนตร์แนวฮีโร่ทั้งหลายได้สื่อให้เราเห็นด้านความทุกข์ระทมที่ฝึกลึก แม้จะมีพลังอำนาจในระดับมหัศจรรย์แต่มิอาจพ้นทุกข์ได้ วันนี้ผมเห็นแบนเนอร์อันหนึ่งจับรูปแม่มด Wanda มาคู่กับแม่นาคพระโขนง ในใจยังนึกขำว่าคนทำคิดเหมือนผมเปี๊ยบ!
ซีรีย์ Wanda Vision เล่าเรื่องผู้หญิงคนหนึ่งมีพลังพิเศษสามารถเสกสิ่งต่างๆให้เกิดขึ้นด้วยการเนรมิต ทั้งควบคุมจิตใจผู้คนให้ทำตามคำสั่งของเธอได้ มีพลังสามารถคืนชีพคนรักที่เป็นหุ่นยน์มีชีวิตชื่อ Visionให้ฟื้นขึ้นมาใช้ชีวิตร่วมกันอีกครั้งในเมืองเล็กๆที่เธอสร้างพลังงานครอบเอาไว้
ไม่ต่างกับแม่นาคพระโขนงที่สร้างภาพบังตาให้พี่มากเชื่อว่าเธอและลูกยังมีชีวิต
เราจะมองว่า..พลังที่ Wanda และแม่นาคมีนั้น..เป็นความมหัศจรรย์ก็ว่าได้ แต่จิตของทั้งสองไม่มีความสุขทั้งที่มีพลังอำนาจมาก เป็นจิตที่บังคับให้ทุกอย่างฝืนธรรมชาติเพื่อให้ตนเองสมปรารถนา เป็นอันว่าความมหัศจรรย์เรื่องพลังงานพิเศษไม่สามารถทำให้ผู้ครอบครองมีความสุขได้
ต้องถามตัวท่านเองว่า..มีชีวิตอยู่เพื่อครอบครองอำนาจหรือมีความสุขอันเกิดจากชีวิตที่เข้าใจและเข้าถึงความจริง
ถ้าคุณต้องการชีวิตที่เปี่ยมสุขพร้อมกับความร่ำรวยที่ไม่ทำร้ายจิตใจ คงหนีไม่พ้นการฝึกจิตให้ยอมรับความจริงที่คุณไม่เคยเชื่อมาก่อนว่าจริง
จักรวาลแท้ที่จริงขับเคลื่อนด้วยพลังงานที่มองไม่เห็น แต่มนุษย์ถูกครอบงำให้เชื่อทุกอย่างว่าเป็นจริงเท่าที่ดวงตามองเห็น เชื่อเท่าที่หูได้ยินและเชื่อเท่าที่รู้สึกทางกายสัมผัส
หากมีบางสิ่งเกิดขึ้นนอกเหนือจากการมองเห็น เกินเลยความเชื่อที่เคยเชื่อและสิ่งนั้นทำให้เราได้รับผลดี..เกิดความสุข มนุษย์จะเรียกว่า ความมหัศจรรย์อันเกิดจากพระเจ้าหรือเทพที่นับถือประทานให้เกิดขึ้น มนุษย์ส่วนใหญ่จึงใช้ชีวิตแบบเหยื่อที่ต้องร้องขอสิ่งที่ต้องการแต่ไม่รู้วิธีได้มาอย่างทาสที่ต้องยอมจำนนต่อผู้วิเศษ
เมื่อก่อนผมเชื่อว่า..ความมหัศจรรย์เกิดกับผู้วิเศษ ผู้มีบุญบารมีมาก ซึ่งไม่น่าจะเป็นมนุษย์ทั่วไป มนุษย์ไม่สามารถพัฒนาเป็นเทพเจ้าอย่างที่ชาวกรีกและโรมันเคยเชื่อ
แต่เดี๋ยวนี้ผมเชื่อใหม่ว่า ทุกคนสร้างความมหัศจรรย์ให้เกิดกับชีวิตได้ หากเข้าถึงความรู้ชนิดที่เรียกว่า ตระหนักรู้ แล้วนำสิ่งที่ได้จากการตระหนักรู้มาใช้กับชีวิต
ความตระหนักรู้เรื่องการทำงานของกฎแรงดึงดูดสำคัญที่สุด หากคุณต้องการใช้ชีวิตอย่างมหัศจรรย์
กฎแรงดึงดูดทำงานผ่านพลังงานที่ตามองไม่เห็น เรียกว่าพลังความรู้สึก ความคิด ทั้งสองพลังงานนี้ผสานกับร่างกายเป็นการกระทำที่มีพลังความถี่ในระดับต่างๆ
ความมหัศจรรย์ในชีวิต เกิดจากการรวมพลังความรู้สึก ความคิด การกระทำเข้าด้วยกันจนเป็นพลังงานคลื่นความถี่ระดับความรักบริสุทธิ์ ชีวิตคุณจะจะกลายเป็นพลังงานที่เรียกว่าพลังแห่งเจตจำนงที่แน่วแน่และชัดเจน
พลังเจตจำนงจะช่วยให้คุณบรรลุความตระหนักรู้สูงสุดในเรื่องที่ปรารถนาอย่างรวดเร็ว ความตระหนักรู้ที่บรรลุแต่ละระดับจะเปลี่ยนคุณให้กลายเป็นคนในแบบที่ตั้งใจจะเป็นมาตลอด ในขณะที่คนอื่นอยากได้ชีวิตแบบที่คุณต้องการแต่พวกเขาตั้งใจเพียงชั่วครู่แล้วเลิกล้มไป ชีวิตจึงไม่กลายเป็นพลังงานเจตจำนง
พลังเจตจำนงที่ชัดเจนช่วยกระชับเวลาบรรลุเป้าหมายให้สั้นลงได้ คุณจะได้รู้วิธีการลัดสั้นที่เรียกว่า สร้างความมหัศจรรย์เมื่อตระหนักรู้ไปแล้ว
เมื่อสภาวะตระหนักเกิดขึ้น คุณจะเป็นคนเดียวที่รู้วิธีการแก้ปัญหาอันนำไปสู่ความสำเร็จอย่างรวดเร็ว คนอื่นไม่มีทางรู้วิธีการที่คุณได้จากการตระหนักรู้
จึงไม่แปลกที่คนทั้งหลายจะมองชีวิตคุณเป็นเรื่องมหัศจรรย์ จึงพยายามเลียนแบบ หรือซักถามวิธีการที่ทำให้คุณสำเร็จแบบมหัศจรรย์
แม้คุณจะรักผู้คนเหล่านั้นเพียงใด ก็ไม่สามารถอธิบายความตระหนักรู้ให้กลายเป็นความรู้แบบท่องจำผ่านสมองได้เลย นอกเสียจากชักชวนให้คนเหล่านั้นฝึกฝนจิตบนเส้นทางแบบแห่งความตระหนักรู้ในสิ่งที่เขาต้องการจะเป็น
นี่เองผมจึงกล่าวในตอนเริ่มต้นว่า หากคุณต้องการความมหัศจรรย์ คงหนีไม่พ้นการฝึกจิต..นั่นเอง
❤️🙏